
หลังคาจะมีประสิทธิภาพอย่างเต็มที่ได้โดยการติดตั้งให้ถูกตามรูปแบบของหลังคาแต่ละประเภท เพราะการติดตั้งที่ผิดวิธีอาจทำให้วัสดุมุงของหลังคามีประสิทธิภาพการใช้งานที่น้อยลง และอาจมีปัญหาตามมาหลายอย่างอีกด้วย

1. ความลาดชันสูงน้อย ตั้งแต่ 3-20 องศาขึ้นไป
โดยส่วนมากวัสดุที่ใช้ทั่วไปจะเป็นเมทัลชีทสิ่งสำคัญคือควรใช้แผ่นเมทัลชีทที่เป็นความยาวชิ้นเดียวกันตลอดแนวในการติดตั้งไม่ต่อแผ่นถึงจะได้ความชันที่ถูกต้อง
เกร็ดความรู้ความชันของหลังคานั้นแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท

1.1 ความลาดชันปานกลาง ตั้งแต่ 15-40 องศา
ที่ความชันระดับนี้มักจะใช้หลังคาลอนคู่ เช่น กระเบื้องเซรามิก กระเบื้องคอนกรีต เป็นหลังคาที่สามารถหาได้ทั่วไปและมีราคาประหยัดโดยแลกกับอายุการใช้งานที่ไม่ยาวนาน

1.2 ความลาดชันสูงตั้งแต่ 25-45 องศา
ความลาดชันสูงระดับนี้ส่วนมากมักเลือกใช้หลังคากระเบื้องว่าว หลังคากระเบื้องดินเผาโบราณ หลังคาไม้เแป้นเกล็ด โดยประเภทของหลังคานี้จำเป็นต้องติดตั้งในความลาดชันสูง แต่ข้อดีคือสามารถปรับเปลี่ยนองศาแบบฟรีฟอร์มได้เนื่องจากมีขนาดที่เล็กกว่าหลังคาประเภทอื่นๆ

2. ตัวครอบและแฟรชชิ่ง
นอกจากครอบจะมีประโยชน์เพื่อความสวยงามและดูเป็นระเบียบเรียบร้อยแล้ว ยังสามาถปิดหรือกั้นไม่ให้น้ำไหลเข้ามาในตัวบ้านได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นครอบปิดตัวข้าง ติดเพื่อกันไม่ให้ฝนสาดเข้ามาจากด้านข้างของตัวบ้าน หรือครอบชนผนังเพื่อกันไม่ให้น้ำซึมจากผนังเข้าตัวบ้าน โดยแบบตัวครอบขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของอาคารและการใช้งานของเจ้าของบ้านสามารถออกแบบและพับตามแบบที่ต้องการได้

3. ทิศทางของลมและความร้อน
ปฏิเสธไม่ได้ว่าบ้านทุกหลังนั้นคำนึงถึงความร้อนเป็นสิ่งแรก เนื่องจากบ้านแบบโมเดิร์นนั้นมักเป็นบ้านชั้นเดี่ยว จึงทำให้ไอความร้อนเข้ามาได้มาก จึงต้องหาวัสดุมาติดที่ตัวฝ้าเพดานหรือกับใต้หลังคาของแผ่น ไม่ว่าจะเป็นฉนวนกันความร้อน หรือพียูโฟม pu foam เพื่อลดระดับความร้อนของบ้านให้เย็นขึ้น